Feeds:
Posts
Comments

Archive for April, 2006

**  ทุกคนได้เรียนรู้มาอย่างเดียวกันว่า… ในวันหนึ่งวันของเรา มี 24 ชั่วโมงเท่ากันทุกคน**
 
เราก้อเรียนรู้มาไม่ต่างกันว่าในวันหนึ่งวันของเราน่ะมี 24 ชั่วโมงเท่ากับคนอื่นๆ
แต่ก้อรู้อีกว่ามีคนไม่กี่คนนักหรอกที่จะรู้จักใช้ชีวิตในวันหนึ่งๆได้คุ้มค่าสมกับที่ธรรมชาติสรรสร้างมาให้
…………………………………….
 
เอาเป็นว่าเราแค่อยากจะบอกว่า**
 
เราก้อเป็นคนนึงที่คิดว่าใช้วันหนึ่งวันของตัวเองได้คุ้มค่ามากมาย
………..แต่……………
 
วันนี้ได้รู้ว่ามันไม่ใช่!!!!
 
ตั้งแต่เด็กมาแล้ว ชีวิตอยู่ไปวันๆๆไอ้วันๆๆของเราเนี้ยมันไม่ใช่ปล่อยชีวิตผ่านไปวันๆๆโดยไม่ได้ทำอะไรเลยนะ
มันคือ…
 
ชีวิตที่ทำไมเราต้องทำอะไรมากมายขนาดนี้ ทำไมเราไม่สามารถบอกกับตัวเองได้ว่า
หยุดสักทีดิ..
ความจริงก้อไม่ได้ต้องทำอะไรมากมายนักหรอก แต่ที่มันไม่หยุดก้อคือความคิดนี่สิ
วันวันไม่ได้คิดอะไรมีสาระเท่าไร แต่อยากคิด จนปัจจุบันก้อยังเป็นอยู่
แต่เปลี่ยนไปเล็กน้อย อาจเพราะความคิดมันเปลี่ยนไปตามอายุ ไม่อยากยอมรับเล้ยว่าอายุเยอะ
แต่เอาว่ะ มันก้อมากขึ้นจริงๆ
ตอนเด็กๆเวลา 24 ชั่วโมงใช้นอนเนี้ยคุ้มมาก หาประสบการณ์ไม่ค่อยเท่าไหร
แต่….ไม่เสียใจหากมองกลับไปในอดีต
ไม่มีคำที่ผุดขึ้นมาว่า " หากย้อนเวลากลับไปได้ จะทำนั่นทำนี่"
เอาเหอะ …ชีวิตมีสีและสัน
**************************

 
ชีวิตตอนนี้ กลับคิดว่าทำอะไรดูคุ้มค่ากับเวลาต่อวันเกินไป
ด้วยความที่ไม่รู้จักพอ
ทำให้..รู้สึกว่าเวลาที่ธรรมชาติให้มามันน้อยเกินไป วันหนึ่งวันแทบจะทำอะไรต่อมิอะไรที่ตั้งใจไว้ไม่ค่อยทัน
นอนดึกดื่น ตื่นแต่เช้า แต่ก้อยังไม่ทันสักอย่าง
แต่แล้ว..
ความจริง จากจิตใต้สำนึกก้อตะโกนบอกกันสุดสุด
ว่า…………
รู้จักมั้ย " แบ่งเวลา " น่ะ
แฮะ แฮะ ก้มหน้าผงกหัวหงึกหงักรับผิดกับตัวเองสุดชีวิต พร้อมกับหมดหนทางต่อกรต่อคำปรารภนั้น
ใช่..
เราแบ่งเวลาไม่เป็น
เวลาเดินเร็ว ไม่เคยรอ ไม่เคยย้อนกลับ ไม่เคยช่วยอะไรได้เลย
ทั้งๆที่ใครหลายคนอาจเข้าใจว่าเวลาจะคอยเยียวยาได้ทุกอย่าง
แต่
มันคือ การให้กำลังใจตัวเองเท่านั้น หรือจะบอกว่าหลอกตัวเองก้อว่าได้นะ
ตอนนี้ไม่อยากจะบอกเลยว่า เพิ่งจะคิดจัดสรรเวลาในการใช้ชีวิตเอาตอนอายุเลขนี้ ( … )
แล้วจากนี้ไปก้อจะใช้ชีวิตกับ 24 ชั่วโมงให้คุ้มที่สุด
แต่ก้อยังแอบดีใจ แม้ว่าที่ผ่านมาจะยังใช้เวลาไม่เป็นแต่เรียกได้ว่าคุ้ม…

 
 
 

Read Full Post »

 
ผู้ใหญ่ …
 
     ความหมายของคำ คำนี้ คือ บุคคลที่ได้ชื่อว่าบรรลุนิติภาวะแล้วในทุกๆด้าน ทั้งวัย ความคิด ความรับผิดชอบ และ อารมณ์ …
 
 
 ใครบางคน อยากเป็นผู้ใหญ่ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของใครหลายคน
 
 ใครบางคน อยากเป็นผู้ใหญ่ เพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่าสามารถรับผิดชอบชีวิตได้มากขึ้น
 
 ใครบางคน อยากเป็นผู้ใหญ่ เพื่อหลอกตัวเองว่าเข้มแข็ง
 
 ใครบางคน อยากเป็นผู้ใหญ่ เพราะเขาไม่อยากเป็นเด็ก
 
 
เด็ก …
 
    ความหมายของคำ คำนี้ คือ บุคคลผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะในทุกๆด้าน ทั้งวัย ความคิด ความรับผิดชอบ และอารมณ์…
 
 ใครบางคน ถูกมองว่าเด็ก เพราะทำตัวไร้สาระ
 
 ใครบางคน ถูกมองว่าเด็ก เพราะทำตัวงี่เง่า
 
 ใครบางคน ถูกมองว่าเด็ก เพราะเขามองโลกด้วยสายตาที่อ่อนโยน
 
 ใครบางคน ถูกมองว่าเด็ก เพราะไม่สามารถตัดสินใจเองได้ในบางเรื่อง
 
 ใครบางคน ถูกมองว่าเด็ก เพราะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้
    
อีกมุมหนึ่ง ของคำสอง คำนี้…
 
 
ผู้ใหญ่…
 
 ผู้ใหญ่บางคน อยากเป็นเด็ก เพราะทนไม่ไหวกับหน้ากากของสังคม
 
 ผู้ใหญ่บางคน อยากเป็นเด็ก เพราะบางครั้งชีวิตมีเรื่องมากเกินไปที่ต้องรับผิดชอบ
 
 ผู้ใหญ่บางคน อยากเป็นเด็ก เพราะบางครั้งก้ออยากแสดงความอ่อนแอ
 
 ผู้ใหญ่บางคน อยากเป็นเด็ก เพราะไม่อยากเป็นผู้ใหญ่
 
 
เด็ก…
 
 เด็กบางคน บางครั้งทำตัวมีสาระ ก้อดูแก่แดด ไม่น่าคบ
 
 เด็กบางคน บางครั้งการทำตัวงี่เง่าเป็นทางออกที่ดีสำหรับเรื่องบางเรื่อง
 
 เด็กบางคน บางครั้งการตัดสินใจบางอย่างดูมีเหตุผลมากกว่าผู้ใหญ่บางคน
 
 เด็กบางคน บางครั้งต้องคอยบอกผู้ใหญ่บางคนว่า" สงบสติอารมณ์หน่อย"
 
 
 
  ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ใช้อะไรตัดสินและวัดค่าความเป็นคนทางสังคม ใครเป็นผู้ที่สามารถตัดสินใจได้ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ดีกว่ากัน
 
 แล้ว… ใครบอกได้มั้ยว่า ทำไมเด็กบางคนอยากเป็นผู้ใญ่ ในขณะที่ผู้ใหญ่บางคน อยากเป็นเด็ก??????????
 

Read Full Post »